การทำรากฟันเทียม คือ การลงทุนระยะยาวเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด เพราะเป็นการใส่รากฟันใหม่ เข้าไปในกระดูกขากรรไกร ซึ่งหากดูแลดีอาจใช้งานได้ตลอดชีวิต เมื่อเห็นราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดมากจนผิดสังเกต เช่น ราคาต่ำกว่า 20,000 บาท หรือต่ำกว่า 30,000 บาทแบบรวมครอบฟันแล้ว คุณควรถามตัวเองว่า “ทำไมถึงถูกขนาดนั้น?” เพราะความประหยัดในช่วงแรก อาจนำมาซึ่ง “ค่าใช้จ่ายในการแก้ไข” ที่สูงกว่าเดิมหลายเท่าตัวในอนาคต
8 สัญญาณอันตรายที่คุณควรระวัง
1. คุณภาพและยี่ห้อของรากฟันเทียม
นี่คือปัจจัยสำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อราคา เนื่องจากรากฟันเทียมที่ดีต้องผลิตจากวัสดุไทเทเนียมบริสุทธิ์เกรดทางการแพทย์ และมีเทคโนโลยีพื้นผิวที่ช่วยให้ยึดติดกับกระดูกได้ดี
- ความเสี่ยง รากฟันเทียมราคาถูกเกินไปอาจเป็นยี่ห้อที่ไม่เป็นที่รู้จัก, ไม่มีงานวิจัยรองรับ, หรือเป็นยี่ห้อที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดและอาจไม่มีอะไหล่รองรับในระยะยาว หากรากเทียมมีปัญหาหรือต้องการเปลี่ยนครอบฟันในอนาคต ทันตแพทย์อาจหาอะไหล่ไม่ได้ ทำให้ต้องถอดรากฟันเทียมซี่เดิมออกและเริ่มกระบวนการใหม่ทั้งหมด
- คำแนะนำ เลือกระบบรากฟันเทียมที่มีความมั่นคงของบริษัท และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล (เช่น กลุ่มยุโรป/อเมริกา หรือยี่ห้อเกาหลี/เอเชียชั้นนำที่มีประวัติยาวนาน)
2. ขาดหัตถการเสริมที่จำเป็น
ราคาทีมักจะรวมเฉพาะ “ค่าราก + ค่าครอบ” เท่านั้น แต่สภาพช่องปากของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
- ความเสี่ยง หากกระดูกขากรรไกรของคุณบางเกินไป และคุณเลือกคลินิกที่ไม่รวมค่าปลูกกระดูก (Bone Graft) หรือยกไซนัส (Sinus Lift) หรือแย่กว่านั้นคือ “ละเลยการทำหัตถการเสริมเหล่านี้ไปเลย” เพื่อให้ราคารวมถูกลง ผลที่ตามมาคือรากฟันเทียมอาจไม่สามารถยึดติดกับกระดูกได้อย่างแข็งแรง หรือเกิดการหลุดออกมาได้ในเวลาอันสั้น
- ตัวอย่าง (สมมุติ)
เคส A ทำรากฟันเทียมราคา 25,000 บาท โดยไม่ปลูกกระดูก เพราะงบน้อย
ผลลัพธ์ รากเทียมล้มเหลวหลังผ่านไป 1 ปี ต้องถอดออก และจ่ายเพิ่ม 50,000 บาทเพื่อปลูกกระดูกและทำรากเทียมใหม่
3. ความเชี่ยวชาญของทันตแพทย์
การผ่าตัดรากฟันเทียมต้องอาศัยความชำนาญและประสบการณ์สูงของ “ทันตแพทย์เฉพาะทางด้านรากฟันเทียม”
- ความเสี่ยง คลินิกราคาถูกบางแห่งอาจใช้ทันตแพทย์ทั่วไปที่ไม่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาดำเนินการ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการวางรากฟันเทียมผิดตำแหน่ง, ทำลายเส้นประสาท, หรือทำให้รากฟันเอียง ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการเคี้ยวและความสวยงามในระยะยาว
- คำแนะนำ สอบถามประวัติการศึกษาและประสบการณ์ของทันตแพทย์เสมอ และตรวจสอบว่าคลินิกมีทันตแพทย์เฉพาะทางด้านรากฟันเทียมโดยตรงหรือไม่
4. ชนิดของครอบฟันที่รวมในแพ็กเกจ
ราคาสุดท้ายมักขึ้นอยู่กับ “ครอบฟัน” ที่จะติดตั้งบนรากเทียม
- ความเสี่ยง ราคาถูกมาก ๆ อาจรวมเพียงครอบฟันชนิดโลหะ (Porcelain Fused to Metal PFM) หรือใช้วัสดุที่คุณภาพต่ำ ไม่ทนทานต่อแรงบดเคี้ยว หรือมีรูปลักษณ์ที่ไม่เป็นธรรมชาติ (เช่น มีขอบโลหะ) ในขณะที่ครอบฟันมาตรฐานที่นิยมในปัจจุบันมักเป็น เซอร์โคเนีย (Zirconia) ซึ่งมีความแข็งแรงทนทานและสวยงามเหมือนฟันจริง
- คำแนะนำ ควรถามย้ำว่าราคานี้รวมครอบฟันชนิดใด และวัสดุที่ใช้ในการทำครอบฟันมาจากแล็บที่ได้มาตรฐานหรือไม่
5. การขาดเทคโนโลยีและเครื่องมือมาตรฐาน
การทำรากฟันเทียมที่ปลอดภัยต้องใช้เทคโนโลยีที่แม่นยำ
- ความเสี่ยง คลินิกราคาถูกอาจไม่มีการใช้ เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ 3 มิติ (CBCT Scan) ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการประเมินความหนาแน่นและโครงสร้างของกระดูก, ตำแหน่งเส้นประสาท, และไซนัส การขาดข้อมูล 3 มิติ ทำให้การวางแผนผ่าตัดไม่แม่นยำ และมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนสูงมาก
- คำแนะนำ เลือกคลินิกที่รวมค่า CBCT Scan ในการวางแผน หรือยินดีให้คุณทำการสแกนก่อนผ่าตัด
6. ข้อเสนอราคาที่ “ไม่รวม” ค่าใช้จ่ายหลัก
บางคลินิกใช้ราคาเริ่มต้นที่ต่ำเพื่อดึงดูดลูกค้า แต่มีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ต้องจ่ายเพิ่มตามมา
- ความเสี่ยง ราคาที่โฆษณาอาจเป็นเพียง “ค่ารากฟันเทียมเปล่า” ที่ยังไม่รวม
- ค่าครอบฟัน
- ค่าเสาเชื่อมต่อ (Abutment)
- ค่าผ่าตัด
- ค่า X-ray และค่ายา
- คำแนะนำ ต้องสอบถามให้ชัดเจนว่า ราคาเหมาจ่าย “รวมทุกอย่าง” (All-inclusive) จนกว่าจะได้ฟันซี่สมบูรณ์ที่พร้อมใช้งานแล้วหรือไม่
7. ระยะเวลาการรอคอยและการรับประกัน
รากฟันเทียมที่ดีต้องมีการรับประกันงาน
- ความเสี่ยง คลินิกราคาถูกบางแห่งอาจมีเงื่อนไขการรับประกันที่ไม่ชัดเจน หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีการรับประกันจากบริษัทผู้ผลิต ซึ่งหากรากเทียมมีปัญหาหลังการรักษา คุณอาจต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการแก้ไขทั้งหมด
- คำแนะนำ สอบถามถึงนโยบายการรับประกันรากฟันเทียม (ส่วนใหญ่ 1-5 ปี) และครอบฟัน รวมถึงการนัดติดตามผลหลังการผ่าตัด
8. สุขอนามัยของคลินิกและห้องผ่าตัด
การฝังรากฟันเทียมเป็นการผ่าตัดที่ต้องปลอดเชื้อ
- ความเสี่ยง หากคลินิกขาดมาตรฐานด้านสุขอนามัย (เช่น อุปกรณ์ทำความสะอาดไม่เพียงพอ หรือห้องผ่าตัดไม่ได้มาตรฐาน) อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อหลังการผ่าตัด ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายและร้ายแรงที่สุดของการทำรากฟันเทียม
การทำรากฟันเทียมคือการรักษาที่ต้องเน้น คุณภาพและความปลอดภัย มาเป็นอันดับแรก การเปรียบเทียบราคาเป็นสิ่งจำเป็น แต่ไม่ควรเป็นปัจจัยเดียวในการตัดสินใจ หากคุณพบราคาน่าดึงดูดใจเกินไป ให้ตรวจสอบ 8 ข้อข้างต้นอย่างละเอียด และให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือของคลินิก, ประสบการณ์ของทันตแพทย์, และมาตรฐานของวัสดุที่ใช้ หากต้องจ่ายเพิ่มเล็กน้อยเพื่อแลกกับความมั่นใจและความทนทานตลอดชีวิต ถือเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดที่สุดค่ะ
แหล่งที่มาข้อมูลการทำรากฟันเทียมและคุณภาพที่ดีสำหรับคนไข้ที่ต้องการรักษาควรปรึกษษแพทย์ทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยและการรักษาที่ดีทีสุด https://loeidentalhouse.com/dental-implant/

